03.30 น. พร้อมกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เคาน์เตอร์สายการบินไลอ้อนแอร์ ประตู 14 โดยมีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน
06.15 น. ออกเดินทางสู่ เมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โดยเที่ยวบิน SL 702 (ใช้ระยะเวลาเดินทาง โดยประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที) *บนเที่ยวบินไม่มีบริการ อาหารทั้งขาไปและกลับ*
07.45 น. ถึงสนามบินนานาชาติหาดใหญ่ รับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว
จากนั้น แวะถ่ายรูปบริเวณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ที่ใความสวยงามราวกับไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ได้รับการขนานนามว่า ทัชมาฮาลเมืองไทย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า มัสยิดกลางดิย์นุลอิสลาม โครงสร้างอาคารเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก อาคารเป็นสีขาว มีโดมทอง และเสา 4 เสารอบตัวอาคาร ด้านหน้ามีสระน้ำขนาดใหญ่ยาวกว่า 200 เมตร ทำให้เกิดทัศนียภาพที่งดงามเป็นอย่างมาก
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
ออกเดินทางสู่ จ.ปัตตานี เสริมสิริมงคลกันในที่แรก ณ ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เจ้าของตำนานสุดคลาสสิกของปัตตานี โดยมีเรื่องเล่าว่าลิ้มกอเหนี่ยวเดินทางมาตามพี่ชายกลับไปดูแลแม่ที่บ้านเกิด แต่พี่ชายไม่กลับไป ลิ้มกอเหนี่ยวจึงผูกคอตายใต้ต้นมะม่วงหิมะพานต์ โดยภายในศาลมีความเชื่อกันว่าเราสามารถยืมเงินเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวเป็นขวัญถุงได้ เมื่อค้าขายได้กำไรงอกเงยให้นำเงินมาคืนเป็น 2 เท่า ของที่ได้ยืมเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวไป
จากนั้น นำท่านเดินทางสู่เบตง จ.ยะลา ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย พาท่านเดินชมเมืองเบตงซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่งาน ศิลปะแบบสตรีทอาร์ท ที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆของเมือง ซึ่งมีลักษณะสวยงามคล้ายกับเมืองปีนังของมาเลเซีย และถนนฮาจิเลยของประเทศสิงคโปร์ ให้ท่านได้เก็บรูปเป็นที่ระลึกอย่างเต็มที่ ก่อนให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นของเบตงที่ ถนนคนเดินเบตง ที่มีให้ท่านได้เลือกอย่างมากมายตลอดถนนรวมถึงมีของทานเล่นเล็กๆ น้อยๆ ที่ท่านต้องไม่พลาดที่จะลิ้มลอง
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ร้านอาหาร
ที่พัก โรงแรมระดับ 3 ดาว เมืองเบตง หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ร้านอาหาร (เมนูติ่มซำ)
จากนั้น ให้ท่านได้เต็มอิ่มกับดินแดนสุดปลายด้ามขวานของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น ตู้ไปรษณีย์สูงใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่มุมถนนสุขยางค์ มีความสูงเกือบ 3 เมตร ไม่รวมฐาน ซึ่งยังสามารถใช้งานได้จริงจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมี หอนาฬิกาเบตง ตั้งอยู่ศูนย์กลางของเมือง สร้างด้วยหินอ่อนขาวของจังหวัดยะลา ซึ่งมีความแข็งแรงและสวยงาม
จากนั้น พาท่านสักการะพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ และพระพุทธธรรมกายมงคลประยุรเกศานนท์สุพพิธาน ณ วัดพุทธาธิวาส วัดเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2460 ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ ตัวองค์เจดีย์ของวัดโดดเด่นด้วยศิลปะแบบศรีวิชัยประยุกต์ ถือเป็นสถานที่ที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวพุทธในเบตงมาอย่างช้านาน
เดินทางสู่ อุโมงค์ปิยะมิตร สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2519 เป็นอุโมงค์ดินที่อดีตขบวนการโจรคอมมิวนิสต์มลายาสร้างขึ้น เพื่อใช้หลบการโจมตีทางอากาศและสะสมเสบียง ปัจจุบันภายในอุโมงค์นั้นถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ นอกจากนั้นยังมีต้นไทรอายุกว่าพันปีอยู่ ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ท่านไม่ควรพลาดชม
จากนั้น เดินทางต่อไปยัง สวนไม้ดอกเมืองหนาวเบตง หรือสวนหมื่นบุฝผา เบตงแห่งนี้ก็มีความสวยงามของพรรณไม้ซ่อนอยู่ในขุนเขาแห่งนี้เช่นกัน โดยแรกเริ่มนั้นเป็นโครงการที่กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงแนะนำแนวทางการปลูกพรรณไม้เมืองหนาวขึ้น ในปัจจุบันมีดอกไม้นานานชนิด ไม่ว่าจะเป็น แกลดิโอลัส รักเร่ ซ่อนกลิ่น ฮอลลีฮ็อก ลิลลี่ เบญจมาศ เป็นต้น
กลางวัน บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
พาท่านแวะ น้ำพุร้อนเบตง เป็นบ่อน้ำร้อนธรรมชาติขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ ประกอบด้วยแร่ธาตุต่างๆ โดยอุณหภูมิของน้ำเฉลี่ยอยู่ที่ 80 องศาเซลเซียส ท่านสามารถซื้อไข่ลงไปต้มในน้ำแร่ที่นี่ได้ หรือว่าท่านใดอยากจะลองแช่เท้าผ่อนคลายอริยบททางสถานที่ก็มีบริการให้ท่านด้วยเช่นกัน
จากนั้น แวะถ่ายรูปกับ ป้ายใต้สุดสยาม ตั้งอยู่บริเวณชายแดนปลายสุดถนนทางหลวงหมายเลข 410 ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นแนวเขตแดนระหว่างอำเภอเบตง กับรัฐเปรัคประเทศมาเลเซีย จากนั้น นำท่านชม อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ ที่เป็นอุโมงค์รถยนต์ที่ลอดผ่านภูเขาแห่งแรกของประเทศไทย มีความยาวตลอดอุโมงค์ ประมาณ 273 เมตร ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2544
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ร้านอาหาร (เมนูไก่เบตง)
ที่พัก โรงแรมระดับ 3 ดาว เมืองเบตง หรือเทียบเท่า
05.00 น. ออกเดินทางสู่ จุดชมวิวทะเลหมอกอัยเยอร์เวง หนึ่งในสุดยอดวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดในประเทศไทย ที่ความสูงราว 2,038 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล สุดพิเศษ!! พาท่านขึ้นสู่ Skywalk อัยเยอร์เวง จุดชมวิวที่ดีที่สุดของเขาแห่งนี้ ที่ท่านจะได้สัมผัสความตระการตาแบบ 360 องศา รวมถึงยังเป็นสกายวอร์คที่ยาวที่สุดในอาเซียนอีกด้วย
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ร้านอาหาร
แวะถ่ายรูปที่ สะพานแตปูซู สะพานแขวนพื้นไม้ที่พาดผ่านแม่น้ำปัตตานี ที่มีความยาวกว่า 100 เมตร สร้างขึ้นเพื่อให้ชาวบ้านเดินทางไป-มาได้อย่างสะดวก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชุมชนแห่งนี้เลยก็ว่าได้ และด้วยวิวรอบข้างนั้นมีธรรมชาติที่งดงามโอบล้อมไว้ จึงถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่ต้องแวะเก็บภาพเป็นที่ระลึกให้ได้
จากนั้น มุ่งหน้ากลับหาดใหญ่ ระหว่างทางผ่านชม เขื่อนบางลาง ที่อำเภอบันนังสตา เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียว เป็นโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเผื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง และกรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงประกอบพิธีเปิดเขื่อน เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2524
จากนั้น เข้าสู่ปัตตานี สักการะหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดที่ วัดช้างให้ พระอาจารย์ดังในสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งหลวงปู่ทวด หรือสมเด็จเจ้าพระราชมุนีสามีรามคุณูปรมาจารย์ เป็นเจ้าอาวาสคนแรก โดยท่านเป็นที่รู้จักกันดีในด้านการแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ เปลี่ยนน้ำทะเลเป็นน้ำจืด
กลางวัน อิสระอาหารกลางวัน ณ จ.ปัตตานี
จากนั้น ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝากและสินค้านานาชนิดที่ ตลาดกิมหยง สถานที่ที่ถูกขนานนามว่า "มาหาดใหญ่ ไม่ถึงตลาดกิมหยง ก็เหมือนไม่ได้มาหาดใหญ่" มีสินค้าต่างๆ เยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย สินค้าบางตัวที่ขายตามจังหวัดต่างๆ ก็ซื้อมาจากตลอดแห่งนี้
สมควรแก่เวลา พาท่านเข้าสู่สนามบินนานาชาติหาดใหญ่ เช็คอิน โหลดสัมภาระ
21.35 น. ออกเดินทางกลับสู่ สนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ เที่ยวบินที่ SL 713
23.05 น. เดินทางถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจมิรู้ลืม
*หากท่านพึงพอใจในการให้บริการของมัคคุเทศก์ สามารถให้เพิ่มได้ตามสินน้ำใจและความพึงพอใจของทุกท่าน*